เลเวอเรจและมาร์จิ้น

ความรู้เกี่ยวกับเลเวอเรจและมาร์จิ้นถือเป็นสิ่งพื้นฐานสำหรับผู้ซื้อขาย CFD ที่จะเพิ่มโอกาสในการซื้อขายให้สูงสุดในขณะที่ยังคงควบคุมความเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดได้

เลเวอเรจคืออะไร?

การใช้เลเวอเรจในการเทรดเกี่ยวข้องกับการใช้เงินทุนที่กู้ยืมมาเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น การใช้เลเวอเรจ 1:500 เทรดเดอร์สามารถเพิ่มผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมาก แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วยเช่นกัน หากตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เทรดเดอร์ได้ประโยชน์ กำไรอาจสูงกว่าการเทรดโดยไม่ใช้เลเวอเรจมาก อย่างไรก็ตาม หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับเทรดเดอร์ การขาดทุนก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน

มาร์จิ้นคืออะไร?

มาร์จิ้น คือ จำนวนเงินที่เทรดเดอร์ต้องฝากเพื่อเปิดหรือรักษาสถานะเลเวอเรจ ตัวอย่างเช่น หากโบรกเกอร์ต้องการมาร์จิ้น 2% สำหรับการซื้อขายที่มีมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ ในกรณีนี้ เทรดเดอร์ต้องฝากเงินเพียง 200 ดอลลาร์ (2% ของ 10,000 ดอลลาร์) เพื่อเข้าเทรด เงินฝาก 200 ดอลลาร์นี้ไม่ใช่ค่าธรรมเนียม แต่เป็นส่วนหนึ่งของเงินทุนของเทรดเดอร์ที่กันไว้เป็นหลักประกัน หากตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ไม่เอื้ออำนวยและมูลค่าการซื้อขายลดลง เทรดเดอร์อาจได้รับ "มาร์จิ้นคอล" ซึ่งจำเป็นต้องฝากเงินเพิ่มเติมเพื่อรักษาสถานะให้เปิดอยู่ มิฉะนั้นโบรกเกอร์อาจเสี่ยงต่อการถูกปิดสถานะ

มาเปรียบเทียบระหว่างมาร์จิ้นและเลเวอเรจกัน:

มาร์จิ้น ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถลงทุนในตลาดที่มีเงินทุนน้อยได้โดยการเพิ่มอำนาจซื้อ มาร์จิ้นช่วยกระจายการลงทุนและช่วยให้เข้าถึงตลาดที่ปกติต้องใช้เงินทุนสูง อย่างไรก็ตาม การใช้มาร์จิ้นจะเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งอาจนำไปสู่การเรียกมาร์จิ้น ดอกเบี้ยจากเงินกู้ยืมอาจสะสม และอำนาจซื้อที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่การซื้อขายแบบหุนหันพลันแล่นหรือมีความเสี่ยงสูง

เลเวอเรจ ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน โดยให้ความสามารถในการซื้อขายในตลาดที่หลากหลายด้วยเงินทุนที่จำกัด ในทางกลับกัน เลเวอเรจอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนมากกว่าเงินลงทุนเริ่มต้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียอย่างรวดเร็วในสภาวะที่ผันผวน และจำเป็นต้องมีการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบและการติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง